พฤกษศาสตร์ทั่วไป
                                      วงศ์ (Family):          Palmae หรือ Recaceae
จีนัส (Genus): Elaeis
สปีชีส์ (Species): guineensis
ชื่อสามัญ (Common name): oilpalm
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Elaeis guineensis Jacq.
จีนัส (Genus): Elaeis
สปีชีส์ (Species): guineensis
ชื่อสามัญ (Common name): oilpalm
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Elaeis guineensis Jacq.
ความเป็นมา 
- มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา
- ปี พ.ศ. 2391 นำพันธุ์ดูร่าเข้ามาปลูกในสวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ อินโดนีเซีย
- ปี พ.ศ. 2485 พระยาประดิพัทธภูบาล นำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับที่ สถานีทดลองยางคอหงษ์จ.สงขลา สถานีกสิกรรมพลิ้ว จ.จันทบุรี
- หม่อมเจ้าอมรสสมานลักษณ์ กิติยากร ได้ทรงปลูกปาล์มน้ำมัน เพื่อเป็นการค้าที่ จ.สงขลา
- โครงการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการค้าอย่างจริงจัง เมื่อปี พ.ศ. 2511
- โครงการนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จ.สตูล
- โครงการบริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์ม จำกัด จ.กระบี่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- - เป็นระบบรากฝอย (fibrous root system)
- - มีการกระจายอยู่บริเวณผิวดิน ลึกประมาณ 20-60 เซนติเมตร
- มีความหนาแน่นมาก บริเวณโคนต้น ในรัศมี 1.5 – 2 เมตร
•ลำต้น
  -  เมื่อโตเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 45-60 เซนติเมตร
  - โดยทั่วไปปาล์มน้ำมันมีความสูงประมาณ 15-18 เมตร   จะเพิ่มความสูงประมาณ 25-50 เซนติเมตรต่อปี  
    - ลำต้นจะมีกาบใบหุ้มอยู่เป็นลักษณะเกลียวเวียนรอบ ลำต้นทั้งซ้ายและขวาขึ้นอยู่กับลักษณะทางพันธุกรรม 
  - แต่ละรอบจะมีทางใบประมาณ 8 แถว
พันธุ์ปาล์มน้ำมัน
พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างของพันธุ์เหล่านี้ โดยพิจารณาความหนากะลาของผลปาล์มเป็นสำคัญ
1. พันธุ์ดูรา (Dura) เป็นพันธุ์ที่มีกะลาหนาประมาณ 2-8 มิลลิเมตร มีชั้นเปลือกนอกที่ให้น้ำมัน (mesocarp) ประมาณ 35-60% ของน้ำหนักผลปาล์ม พันธุ์ดูราที่มีกะลาหนามาก ๆ เรียกว่ามาโครคายา (macrocarya) คือกะลาหนาประมาณ 6-8 มิลลิเมตร พันธุ์ดูรานี้พบมากแถบตะวันออกไกล เช่น พันธุ์เดลีดูรา (Deli dura) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง ปัจจุบันพันธุ์ดูรา มักใช้เป็นต้นแม่สำหรับปรับปรุงพันธุ์เพื่อผลิตลูกผสมเป็นการค้า
2. พันธุ์ฟิสิเฟอรา (Pisifera) เป็นพันธุ์ที่มีกะลาบางมาก หรือบางครั้งไม่มีกะลา เมล็ดในเล็ก ขนาดผลเล็ก ช่อดอกตัวเมียมักเป็นหมัน ผลผลิตทะลายต่อต้นต่ำ ไม่เหมาะที่จะปลูกเป็นการค้า นิยมใช้พันธุ์ฟิสิเฟอราเป็นต้นพ่อสำหรับผลิตพันธุ์ลูกผสม
3. พันธุ์เทเนอรา (Tenera) เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์แม่ดูราและพันธุ์พ่อฟิสิเฟอรา เป็นพันธุ์ที่มีกะลาบางประมาณ 0.5-4 มิลลิเมตร มีปริมาณของ mesocarp 60-90% ของน้ำหนักผลผลผลิตทะลายสูง จึงนิยมปลูกเป็นการค้าในปัจจุบัน





 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น